OPP2010 เขื่อมโยง PERSON & SERVICE ไม่ได้

ปัญหา 43 แฟ้มที่ตรวจด้วย OPP2010  "เขื่อมโยง PERSON & SERVICE ไม่ได้"
ประกอบด้วย
1.เชื่อมโยงบุคคล(person) ไม่ได้
2.เชื่อมโยงบริการ(service)
3.ยา 24 หลัก (errorr Drug) ไม่ตรงตามมาตรฐาน
4.ไม่มีรหัสวินิจฉัยโรค (DiagType=1)
@@@.. ปัญหาทั้งหมดส่วนใหญ่เกิดจาก"การคีย์ย้อนหลังและการออกรายงานไม่ครบ"

มาแก้ปัญหากันเลยๆๆๆๆๆ 
1.เชื่อมโยงบุคคล(person) ไม่ได้
แก้ง่าย....แค่ไปติ๊กส่งออกperson ให้ครบทุกครั้ง   ตาม(1,2,3) หรือกันพลาด ก็ติ๊ก(4) ไปด้วยก็ได้ครับ

หมายเหตุ:เนื่องจากแฟ้มบริการต่างๆต้องจับคู่ pidและseq กับperson เมื่อperson ส่งออกไม่ครบ..ก็จะฟ้องไม่เชื่อมโยงนั่นเอง
..................................................................
2.เชื่อมโยงบริการ(service)
ต้องไปแก้ไขวันที่ ให้บริการ(dateservice )และวันที่อัพเดด(d_update)ให้ตรงกันนะครับ  (ปัญหานี้เกิดจาก...การที่ท่านกลับไปแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง หรือ แค่เปิดเข้าไปดูข้อมูลย้อนหลังในโหมด การให้บริการ.. JHCIS จะถือว่ามีการอัพเดด และจะส่งcase นั้นๆ ออกมาพร้อมกับ 43 แฟ้มล่าสุด..ผลคือ >>>service ไม่สามารถเชื่อมโยงบริการกับแฟ้มอื่นๆได้

แก้ไขโดย....ใช้ scpt รัน ได้เลยครับ
......................................................
update visit vt
set vt.dateupdate=concat(vt.visitdate,SUBSTR(vt.dateupdate,11,9))
WHERE vt.visitdate BETWEEN '2015-04-01' AND '2016-09-30';
.......................................................
หมายเหตุ: แต่ไม่แนะนำให้ท่านกลับไปคีย์ข้อมูลย้อนหลัง เพราะ การคีย์ย้อนหลังจะทำให้เลข รับบริการ คือ เลข seq หรือ visitno ไม่ย้อนหลังตามไปด้วย ผลคือ ท่านจะใช้ Scpt รันผ่านได้จริง .(oppp2010 ก็ตรวจผ่าน).แต่จะถูกจับได้อยู่ดีว่าคีย์ย้อนหลัง ดังนั้นดีสุด อย่าคีย์วันที่ย้อนหลังเด็ดขาดนะครับ...แค่กลับไปแก้ไขข้อมูลที่คีย์ไว้แล้ว เช่นลืมคีย์ยาบางตัว หรือแก้ไขหัตถการฯน่าจะเหมาะกว่า
......................................................................................................................
3..ยา 24 หลัก (errorr Drug) ไม่ตรงตามมาตรฐาน
ให้เข้าดู ID และ name ยาที่Error ใน Oppp2010.....ตามนี้
 ให้นำ DidstdและDname ไปปรับแก้ใน Jhcis
วิธีแก้ไข Drug 24 หลัก 
1.login ด้วย Drug_store_admin และ เข้า System Configuration

  >>> ยาและเวชภัณฑ์ 


และ คลิ๊กขวา >>เปรียบเทียบยาแผนปัจจุบัน-รหัส 24 หลัก

และ mapping ยา 24หลักให้ตรง ตามตัวที่ error จากค่า Didstd และ Dname (จาก OPPP2010) เรียงตาม (1),(2),(3),(4)c และ (5)   ดังนี้

ช่องหมายเลข  (5) คือ รหัส 24 หลัก ท่านสามารถหาได้จากช่องด้านขวา ..หากไม่มีตามต้องการสามารถ ค้นหาได้ที่ http://drug.nhso.go.th/DrugCode/searchDrug.zul
หรือ ค้นจาก OPP2010 ก็ได้ นะ >>> เข้า 0ppp2010

และ ค้นหาด้วยชื่อการค้า รหัส ชื่อสามัญ หรือ บริษัท จากนั้นจะได้ 24 หลักที่ต้องการ (หากไม่มีจริงๆ คงต้องสอบถามจาก เภสัชฯ ที่ Cup ละนะว่า ..เขาสั่งยาจากที่ไหน)

2.เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ กลับไปแก้ไข Case ที่จ่ายยา  24 หลัก ไม่ตรง

หมายเหตุ : ขั้นตอนต่อไปนี้ ไม่ต้องดำเนินการแล้วนะครับ  เนื่องจาก JHCIS  จะจับเอารายการยาที่ส่งออกเป็นตัวใหม่ตามที่ท่านได้ดำเนินการแก้ไข ยา 24 หลักแล้ว (ตามด้านบน) ยกเว้น หัตการ(procerder) ท่าน error ค่อยดำเนินการต่อ..ขอรับ  ซึ่งถึงขั้นตอนนี้ดีที่สุดคือ ลองส่ง ออก 43 แฟ้มดูอีกรอบครับ หากตรวจ OPPP21010 ผ่าน ก็เป็นอันว่าจบครับ

ขั้นตอนต่อไปนี้เอาไว้แก้หัตการ (proceder) จะดีกว่านะ.
1.วันรับบริการย้อนหลัง เลือกวันที่ pid และ seq หรือ visitno ที่error จาก oppp2010 ตามนี้

และ เข้า jhcis เลือกบริการย้อนหลังวันอื่น

และแก้ไขยาหรือหัตถการที่error...ด้วยการคลิ๊กลบที่กากบาท จากนั้นก็คีย์ยาหรือหัตถการเดิมเดิมซ้ำลงไปอีกรอบ ก็เป็นอันจบ

หลังจากนั้นให้ท่านใช้ scpt อัพเดดยา(Drug) หรือ หัตถการ (Proceder) ตามนี้
# scpt  update drug+proceder ตามนี้
...........................................................
update visit vt
set vt.dateupdate=concat(vt.visitdate,SUBSTR(vt.dateupdate,11,9))
WHERE vt.visitdate BETWEEN '2015-10-01' AND '2016-09-30';

UPDATE visitdrug vdg
INNER JOIN visit on vdg.pcucode = visit.pcucode and vdg.visitno = visit.visitno
SET vdg.dateupdate = CONCAT(visit.visitdate,SUBSTR(vdg.dateupdate,11,9))
WHERE visit.visitdate BETWEEN '2015-10-01' AND '2016-09-30';
...............................................................................................................
หมายเหตุ : หากแฟ้ม หัตถการฟ้องเชื่อมโยงบริการ (Proceder_Error) ท่านก็สามารถใช้วิธีการแก้ไขเหมือนกับยา 24 หลัก ได้เช่นเดียวกัน...เพราะรายละเอียดจะคล้ายๆกัน
..................................................................
4.ไม่มีรหัสวินิจฉัยโรค (DiagType=1) 
4.1 กลับไปแก้ไข วินิจฉัยโรค ตาม case  และวันที่ error ทั้งนี้ให้ดูที่ seq และ pid เป็นหลัก
 - กรณีไม่มี diag (ว่าง)  ให้เพิ่มdiag ที่ถูกต้องลงไป ก็จบครับ
 - กรณีมีDiag  แต่ยังฟ้อง Error ให้ดูว่า มี principle Diag หรือไม่ หากว่ามี แนะนำให้ลบและDiag ตัวเดิมซ้ำอีกรอบ  หรือจะลองเปลี่ยน diag หรือ principle diag ลองดู 
ทั้งนี้ ให้ยึดตามหลัก ICD10 และICD10 TM นะครับ  

หรือจะลองค้นหาจาก ICD 10  online  ตามนี้  http://thcc.or.th/ICD-10TM/
และ ยึดตามกฎ ICD 10 เป็นหลัก นะครับ
4.2 หลังจาก กลับไปแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ..ก็ให้ใช้scpt รันตามอีกรอบ 
#scpt diag  ตามนี้
.................................................................
update visit vt
set vt.dateupdate=concat(vt.visitdate,SUBSTR(vt.dateupdate,11,9))
WHERE vt.visitdate BETWEEN '2015-04-01' AND '2016-09-30';

UPDATE visitdiag vd
INNER JOIN visit on vd.pcucode = visit.pcucode and vd.visitno = visit.visitno
SET vd.dateupdate = CONCAT(visit.visitdate,SUBSTR(vd.dateupdate,11,9))
WHERE visit.visitdate BETWEEN '2015-10-01' AND '2016-09-30';

............................................................................................................... 
ปัญหาเชื่อมโยง ...ส่วนหนึ่ง ผู้พัฒนาโปรแกรมได้ตอบคำถามไว้ใน Webbroad อยู่แล้ว หากท่านใดต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม ตามนี้นะ http://61.19.108.37/oppp2010/

### หากท่านลองค้นฯแล้วก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็แนะนำให้ฝากข้อความไว้ด้านล่างนะครับ
ส่วนแฟ้ม Dental  Chronicfu labfu และแฟ้มอื่นๆ กำลังเร่งเขียนครับ...รอแป๊บ
..................................................................................................................................


ฺBYE ****BYE

ไม่มีความคิดเห็น:

https://www.blogs

 kllgnsgkj[jtlm'oahd bfldkb'pdojgaojp mfigjdo;sjgaij misjgo;sjagijwo;